
หว้ากอ...
ประวัติความเป็นมา หว้ากอ...เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันที 18 สิงหาคม 2411 ซึ่งทรงคำนวนไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พระองค์ทรงใช้พระปรีชาสามารถนำความรู้วิชาการด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ นำการเมืองทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจคณะรัฐมนตรีมีมติความเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 ให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้าฯและในวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามว่า “อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษา สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2536อาคารดาราศาสตร์ อาคารดาราศาสตร์ ประกอบด้วยอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกัน คือ อาคารพันทิวาทิต พันพินิจจันทรา ดาราทัศนีย์ มีฐานการเรียนรู้ 11 ฐานการเรียน ได้แก่ บันทึกเกียรติยศ, โลกอนาคต, เทคโนโลยีเพื่ออาชีพ, โลกของเด็ก, ฟากฟ้า ณ หว้ากอ, พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย, มนุษย์กับดวงดาว, พระมหากษัตริย์ราชวงศ์ไทยกับดาราศาสตร์, รวมใจชาวประจวบ, ความเป็นไปในจักวาลและเทคโนโลยีอวกาศและเอกภพพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ สัมผัสกับมหัศจรรย์โลกใต้น้ำ มีทั้งสีสันความสวยงามของสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มในมิติใหม่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ภายในแบ่งพื้นที่เป็น 6 ส่วน คือ ส่วนอัศจรรย์โลกสีคราม, ส่วนจากขุนเขาสู่สายน้ำ, ส่วนสีสันแห่งท้องทะเล, ส่วนเปิดโลกใต้ทะเล, ส่วนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและส่วนกิจกรรมปฏิบัติการกิจกรรมค่ายหว้ากอ 1. พบกับบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง ได้ทั้งความรู้ความสนุกสนาน ได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน การรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความสามัคคี การตรงต่อเวลาและอื่นๆ อีกมากมาย 2. พบกับกิจกรรมหลากหลาย เช่น พิธีถวายสักการะรัชกาลที่ 4 กิจกรรมดูนก ดูดาว กิจกรรมศึกษาฐานการเรียนรู้ กิจกรรม Walk Rally กิจกรรมชายหาด กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ ฯลฯนอกจากนี้ยังมี big tank และอุโมงค์ปลา ที่มีสัตว์น้ำต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้ และเห็นถึงความแตกต่างของสรรพสิ่งในระดับความลึกของน้ำราวดำดิ่งสู่ก้นทะเลลึก จากนั้นไปต่อกันที่อุโมงค์ปลาซึ่งเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ให้คุณสัมผัสดุจดั่งกำลังเดินอยู่ใต้ท้องทะเลเลยทีเดียว 3. มีที่พักสะอาดบรรยากาศติดทะเล สามารถรองรับสมาชิกได้ประมาณครั้งละ 120-200 คน มีทั้งห้องพักและเต้นท์ ห้องพักเป็นแบบห้องพักรวม แยกชายหญิง ห้องพักพัดลม มีห้องน้ำอยู่นอกห้องพักหลังอาคารพัก 4. มีอาหาร น้ำดื่ม บริการในราคาแบบเป็นกันเองหลักสูตรที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน1. ค่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี2. ค่ายสิ่งแวดล้อม3. ค่ายสอนน้องดูดาว4. ค่ายปักษี5. ค่ายอนุรักษ์พลังงาน6. ค่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต7. ค่าสำหรับเด็กพิการ8. ค่ายครอบครัว9. ค่ายทักษะชีวิต ค่าใช้จ่ายในการเข้าค่ายตลอดหลักสูตร 3 วัน 2 คืน รวมค่าอาหาร ที่พัก วัสดุอุปกรณ์และค่าตอบแทนวิทยากรประมาณ 250-300 บาท/คนสามารถจองค่ายและสอบถามรายละเอียดได้ที่ งานการตลาด โทร. 032 6..., 03..., 03... ในวันและเวลาราชการสวนผีเสื้อ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผีเสื้อพันธุ์พื้นเมืองให้คุณได้ชื่นชมมากกว่า 20 ชนิด บรรยากาศภายในสวนร่มรื่น มีมุมนั่งพักผ่อนชมปลาแหวกว่ายเวียนวน และดูน้ำตกสวยๆ เพียบพร้อมด้วยเกร็ดความรู้ให้คุณได้ศึกษา เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้อในห้องจัดแสดงวงจรชีวิตผีเสื้อ ซึ่งคุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อครบทั้ง 4 ระยะ นอกจากนี้ยังมีศาลาแห่งชีวิตและมีตัวอย่างผีเสื้อที่เก็บรักษาไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วยเวลาทำการ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะ : สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ ชมรม สมาคมฯ ประสงค์เข้าชมเป็นหมู่คณะ โปรดทำหนังสือติดต่อล่วงหน้าในเวลาราชการ โดยทำหนังสือส่งถึง : ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมู่ 4 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000 โทร. 032 661 098 , 032 661 726 , 032 661 104 โทรสาน. 032 661 727 www.nfe.go.th/waghor E-mail : waghor@hotmail.com(คัดลอกจากเอกสารอุทยานวิทยาศสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

เมื่อ 100 กว่าปี ล่วงมาแล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนชาวไทยและทั่วโลก ได้ทราบถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ จึงถวายพระราชสมัญญานามแด่พระองค์ว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไดัรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านหว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาวางศิลาฤกษ์ใน วันที่14 กันยายน 2525 และต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติให้ ดำเนินการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ปี 2532 จนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษาสังกัดการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2536สถานที่ตั้ง อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อวจ.) ตั้งอยู่ริมอ่าวหว้ากอ หมู่ 4 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รหัสไปรษณีย์ 77000 บริเวณกิโลเมตรที่ 335 ถนนเพชรเกษม ห่างจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ ไปทางทิศใต้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 314 กิโลเมตร มีเนื้อที่ตามโฉนดที่ดินจำนวน 485 ไร่ 1 งาน 56.2 ตารางวา อยู่ติดชายทะเลบริเวณอ่าวหว้ากอ มีชายหาดยาว 2.7 กิโลเมตร ขนานทางรถไฟสายใต้ สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ หมายเลข (032) 661098 , 661726-7,661103 โทรสาร ต่อ 133พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ตั้งขึ้นตามแผนหลักของโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ และวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลธรรมชาติวิทยาและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เริ่มดำเนินดารก่อสร้าง มาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2543 กำหนดแล้วเสร็จ ในวันที่ 27 มีนาคม 2545 ใช้งบประมาณ ในการก่อสร้างจำนวน 164 ล้านบาท หลังจากก่อสร้างเสร็จก็จะจัด นิทรรศการและการแสดง ภายในเวลา 1 ปี การบริหารจัดการจะเป็นการดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน คาดว่าจะเปิดบริการให้เข้าชมได้ในปี 2547 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษา สิ่งมีชีวิตในน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือ อย่างดีจากกรมประมงและสถาบัน วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพาการเดินทางไปอุทยานวิทยาศาสตร์ ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ท่านสามารถขับรถโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 ( สายธนบุรี ปากท่อ ) ผ่านทาง จังหวัดสมุทรสงคราม แล้วเลี่ยวซ้าย สู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ( ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัด เพชรบุรี และอำเภอหัวหิน มุ่งสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทาง 281 กิโลเมตร หรืออาจจะเดินทาง จากกรุงเทพ มาทางสายพุทธมณฑล ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี แล้วมุ่งสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ต่อจากนั้นเดินทางต่อไปยังอุทยานวิทยาศาตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร รถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางได้โดยรถประจำทางธรรมดาและรถประจำทางปรับอากาศ จากสถานีขนส่งสายใต้ โดยรถประจำทางสายกรุงเทพ-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีรถออกเดินทางวันละหลายเที่ยว ทางรถไฟ เดินทางออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ถึงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีขบวนรถเดินทางวันละ 9 เที่ยว

ในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากกรมประมง และสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา นำมาจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ
โดยภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการจำลองระบบนิเวศ จากขุนเขาสู่สายน้ำ ความสัมพันธ์ของป่าไม้ สายน้ำ ระบบนิเวศแหล่งน้ำจืด จากต้นน้ำสู่ทะเล เชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตต่างๆ จัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์ปลาน้ำจืดของไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ พันธุ์ปลาที่มีอวัยวะพิเศษช่วยหายใจ พันธุ์ปลาน้ำจืดสวยงามทั้งของไทยและต่างประเทศ
ซึ่งเมื่อเริ่มเดินเข้าไปจากจุดเริ่มของอาคาร จะพบตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางการจำลองระบบนิเวศที่เหมือนของจริง โดยมีปลาแหวกว่ายให้ดูอย่างสวยงาม เช่น ปลาพลวง ปลาเวียน ปลามูส ปลาเลียหิน ปลาไส้ขม ฯลฯ พร้อมป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่างๆอย่างละเอียด
นอกจากนี้ก็ยังมีสัตว์อื่นด้วย เช่น ปูเจ้าฟ้า ปูราชินี ปูคีรีขันธ์ และพรรณไม้น้ำ เช่น เฟิร์น มอส คริบโตคลอรีน เป็นต้น
ส่วนสัตว์น้ำในระบบนิเวศแหล่งต้นน้ำ เช่น ปลาเลียหิน ปลาไส้ขม ปลาซิวข้างขวาน ปลาสร้อยน้ำผึ้ง สัตว์น้ำในระบบนิเวศน้ำจืด เช่น ปลาหมอช้างเหยียบ ปลาพรมหัวเหม็น ปลาหัวตะกั่ว ระบบนิเวศแหล่งน้ำใหญ่เป็นแหล่งน้ำไหลประเภทแม่น้ำลำคลองบริเวณน้ำตื้น เช่น ปลาตะเพียนทอง ปลาเสือพ่นน้ำ ปลากระทิงไฟ ปลาเนื้ออ่อน ปลาบ้า ปลาแปปควาย ปลาหัวตะกั่ว ปลาน้ำเงิน ปลากระแห ฯลฯ
สำหรับปลาน้ำจืดที่ไม่มีเกล็ดของไทย เช่น ปลาแค่ ปลาสายยู ปลาแขยงธง ปลาบึก พันธุ์ปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดของไทย เช่น ปลาสร้อยนกเขา หรือปลาขี้ขม ปลากระสูบขีด ปลากาดำ ปลาสร้อยขาว
ปลาน้ำจืดของไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่น ปลาหางไหม้ ปลายี่สกไทย ปลากระโห้ ปลาสะตือ พันธุ์ปลาที่มีอวัยวะพิเศษช่วยหายใจ เช่น ปลาแรด ปลาหมอไทย ปลากะสง ปลาชะโด พันธุ์ปลาน้ำจืดสวยงามของไทย เช่น ปลากาแดง ปลาทรงเครื่องหางแดง ปลากระดี่นางฟ้า และพันธุ์ปลาน้ำจืดสวยงามต่างประเทศ เช่น ปลาสอด ปลาเซลฟิน ปลาบอลลูน ปลาหมูอินโด ฯลฯ
นอกจากพันธุ์ปลา สัตว์น้ำที่สวยงามแล้ว ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ป่าชายเลน หาดทราย หาดหิน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ด้วยระบบแสงสีเสียง และจัดแสดงพันธุ์ปลานานาชนิด เช่น สัตว์น้ำในระบบนิเวศป่าชายเลน สัตว์น้ำในระบบนิเวศหาดทราย - หาดหิน สัตว์น้ำในแหล่งหญ้าทะเล และสัตว์น้ำในแนวปะการังฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน
มีการจัดแสดงสภาพป่าชายเลน ที่ขึ้นอยู่ในเขตน้ำลงต่ำสุดและน้ำขึ้นสูงสุด บริเวณชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ หรืออ่าว จัดเป็นเขตน้ำกร่อย พรรณไม้ที่ขึ้น ได้แก่ โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โกงกางหัวสุม แสม ลำพู ลำแพน เป็นต้น ทำให้เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เป็นที่วางไข่ แหล่งอาหาร และเจริญเติบโตของสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นแหล่งผลิตอาหารโปรตีน ที่สำคัญเป็นแหล่งอาหาร ที่หลบภัย ตลอดจนที่ขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด ในธรรมชาติท้องน้ำด้วย
หากเดินเข้าไปถึงส่วนกลางของอาคาร จะพบพื้นที่แสดงสัตว์ในป่าโกงกาง เช่น พวกที่อาศัยอยู่ตามพื้นผิวดิน ได้แก่ ปลาตีน ปูเสฉวน หอยทะเลบางชนิด พวกที่อยู่ตามใต้ผิวดิน ได้แก่ ไส้เดือนทะเล ปูแสม ปูก้ามดาบ กุ้งดีดขัน พวกที่อยู่ในน้ำ ได้แก่ กุ้งแชบ๊วย กุ้งกุลาดำ ปลานวลจันทร์ทะเล ปลากะพงขาว ปลาเก๋า เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์น้ำในระบบนิเวศป่าชายเลน ที่หลากหลายอีกเช่น ปลาตะกรับเสือดาว ปลาเฉี่ยว ปลากระบอก สัตว์น้ำในระบบนิเวศหาดทราย หาดหิน เช่น ปูหนุมาน แมงดาทะเล ปลากระบอกหูดำ ปลากะรังหัวโขน เม่นทะเล ดาวมงกุฎหนาม ปลาฉลามกบ ฯลฯ
หากมีเวลาในการศึกษาเรียนรู้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้อุทยานฯยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีก อาทิ กิจกรรมค่ายหว้ากอ ดูนก ดูดาว กิจกรรมศึกษาฐานการเรียนรู้ Walk Rally กิจกรรมชายหาด ฯลฯ หากผู้ที่สนใจสามารถสอบถามได้ที่ โทร.032-661-098, 032-6... , 032-6... ในวันและเวลาราชการ